วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อาชีพเสริม ขายสินค้าตามตลาดนัดหลักเลิกงาน

อาชีพเสริม ขายสินค้าตามตลาดนัดหลักเลิกงาน
            วันนี้ขอนำเสนอหนึ่งในอาชีพเสริมที่เป็น ที่ฮอตฮิตและนิยมทำกันทั่วบ้านทั่วเมือง คืออาชีพเสริม ขายสินค้าตามตลาดนัดหลักเลิกจากงานประจำ อาชีพเสริมอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม ก็สมารถทำได้หมดทุกคน เพราะมีรูปแบบการทำเงินที่เข้าใจง่าย ไม่มีอะไรยากหรือซับซ้อนเป็นพิเศษ หรือถ้าจะให้อธิบายรูปแบบการทำเงินของอาชีพเสริมอาชีพนี้ มันก็คือการที่คุณ ไปหาสินค้าคุณภาพดีราคาถูก นำมาขายต่อตามตลาดนัดในราคาที่บวกกำไรเรียบร้อยแล้วนั้นเอง

            คุณจะเห็นว่ารูปแบบการทำเงินของอาชีพเสริม ขายสินค้าตามตลาดนัดนั้นมันมีรูปแบบการทำเงินที่ง่ายมาก โคตรง่ายเลย แต่เวลาทำจริงละยากไหม อันนี้มีคำตอบเวลาทำจริงมันก็ไม่ยากเหมือนกัน ถ้ามันยาก และไม่ได้กำไร ไม่ได้เงิน หลายต่อหลายคนคงเลิกขาย เลิกทำอาชีพเสริม ขายสินค้าตามตลาดนัดไปนานแล้ว ดังนั้นคุณจงมั่นใจได้เลยว่าคุณสามารถหารายได้เพิ่ม รายได้เสริมจากการทำอาชีพเสริม ขายสินค้าตามตลาดนัดได้อย่างแน่นอน และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปดูกันเลยว่าคุณจะหาสินค้าคุณภาพ ราคาถูกจากที่ไหนมาขายได้บ้าง

มองหาสินค้าคุณภาพราคาถูกจากที่ไหนดี
            ขอแนะนำเป็นตัวอย่างสัก 5 สถานที่ดังนี้ ที่แรกเลยก็คือประตูน้ำ ในส่วนของประตูน้ำสินค้าที่เด่นๆ ก็จะเน้นไปที่เสื้อผ้าเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าผู้ชาย เสื้อผ้าผู้หญิง เสื้อผ้าเด็กเล็ก เสื้อผ้าเด็กโตมีหมด ต่อไปคือตลาดสำเพ็ง ต้องขอบอกว่าตลาดสำเพ็งก็เป็นอีกที่หนึ่ง ที่มีพ่อคนแม่ค้าคนกลาง นิยมชมชอบมาเลือกสินค้าในราคาถูกไปขายต่อตามสถานที่ต่างๆ หรือตามตลาดนัดคลองถมเป็นต้น ตลาดสำเพ็งจะมีสินค้ามากมายหลากหลายชนิดมีตั้งแต่เครื่องประดับ สร้อย แหวน ต่างหู นาฬิกา เครื่องแต่งหน้าสำหรับผู้หญิง รวมไปถึงเสื้อผ้า มากมายให้คุณได้เลือกซ้อป

            ต่อมาขอแนะนำที่นี้เลยตลาดนัดจตุจักร เชื่อว่าคุณคงเคยไปมาแล้วบ้าง ในส่วนของตลาดนัดจตุจักรนั้นจะมีสินค้าให้คุณได้เลือกนำมาขายต่อ เพื่อสร้างอาชีพเสริม ขายสินค้าตามตลาดนัดของคุณ ได้อย่างง่ายๆ สบายๆ สินค้าราคาถูกมีมากมายในทุกแบบทุกสไตล์ จนคุณเดินเลือกทั้งวันก็ไม่หมด

            สถานที่ต่อมาเป็นที่โบ๊เบ๊และที่พหุรัด ทั้งสองสถานที่นี้ก็จะเน้นไปที่สินค้าประเภทเสื้อผ้าเป็นหลัก แต่ในส่วนของโป๊เบ๊ราคาจะค่อนข้างถูกมาก เอาเป็นว่าคุณชอบอะไร อยากขายอะไร ก็คิดไว้ในใจก่อน อย่างเพิ่งรีบร้อนซื้อให้คุณลองเดินสำรวจตลาดตามที่ต่างๆ ดูก่อนเพื่อคุณจะเจอสินค้าดีมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด ถึงตอนนั้นคุณอาจเปลี่ยนใจมาขายสินค้าอย่างอื่นแทนก็ได้

อยากทำอาชีพเสริม ขายสินค้าตามตลาดนัดแล้วขายดี

            สุดท้ายฝากไว้ หากคุณอยากจะทำอาชีพเสริม ขายสินค้าตามตลาดนัด เพื่อหารายได้เสริมในเวลาว่างหลักเลิกจากงานประจำ แล้วขายดิบขายดีเหมือนเท่น้ำทิ้ง ให้คุณเลือกสินค้าที่จะนำมาขาย เอาที่มันเป็นที่ต้องการของตลาดมากๆ จึงจะขายได้ง่าย และขายได้เยอะ รวมตั้งคุณต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าด้วย ต้องเต็มใจบริการแบบสุดชีวิต ลูกค้าจะได้ประทับใจคุณแล้วบอกต่อ

อาชีพเสริมโดยไม่ใช้เงินลงทุน (ทำรายงานออนไลน์)

อาชีพเสริม รับทำรายงานออนไลน์
                หนึ่งในอาชีพที่ทำง่ายที่สุด ถึงที่สุด และไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็สามารถทำอาชีพเสริม รับทำรายงานออนไลน์ อาชีพนี้ได้ทั้งนั้น ถามว่าเพราะอะไรคุณถึงทำอาชีพเสริม รับทำรายงานออนไลน์ได้ นั้นเพราะว่าในปัจจุบันมีใครบ้างที่ไม่เคยทำรายรานส่งคุณครู คนที่มีวุฒิการศึกษาอยู่ในมือทุกคนเคยเขียนรายงานส่งคุณครูมาแล้วหลากต่อหลายเล่มด้วยกันทุกคน นั้นแสดงว่าคุณทำรายงานเป็นอยู่แล้ว วิธีทำมันก็อยู่ในสายเลือดของคุณเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งการทำรายงานนั้นมันทำง่ายมาก ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย จึงมั่นใจได้เคยว่าคุณสามารถทำอาชีพเสริม รับทำรายงานออนไลน์ ได้อย่างแน่นอน

แล้วลูกค้าของอาชีพเสริม รับทำรายงานออนไลน์ เป็นใครบ้าง
                กลุ่มลูกค้าหลักๆ ของคุณคงหนีไม่พ้นนักเรียนนักศึกษา ตามสถาบันต่างๆ แต่ขอแนะนำว่าให้กำหนดกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่มของนักศึกษาจะดีกว่า กลุ่มนักเรียน เพราะนักเรียนยังเด็กไปควรให้พวกเขาได้เรียนรู้ใช้ความพยายามของตนเองในการทำรายงานส่งคุณครู อีกทั้งทำอาชีพเสริม รับทำรายงานออนไลน์ ปกติแล้วจะเป็นนักศึกษาที่เขานิยมทำกัน เช่นรับทำรายงานให้เพื่อน ให้คนรู้จัก หรือคนอื่นๆ นอกจากนักศึกษาจะประกอบอาชีพเสริม รับทำรายงานให้เพื่อนเองแล้ว ยังมีร้านรับพิมพ์งาน ร้านถ่ายเอกสาร ก็รับทำด้วยเช่นกัน และยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งซึ่งมีอยู่จริงบนโลกออนไลน์ ได้เปิดร้านทำอาชีพเสริม รับทำรายงานออนไลน์ เพื่อให้บริการสำหรับคนไม่ว่างนักทำรายงานเองอีกจำนวนมาก ในส่วนนี้คุณสามารถค้นหา ดูได้เลยโดยใช้ Google ค้นหา รับรองได้เลยว่า มีเยอะมาก

อัตราราคาของรายงานคิดยังไง
1.       คิดตามจำนวนหน้า
2.       คิดตามความลึกของข้อมูล
3.       คิดตามการออกแบบ
4.       คิดตามหัวข้อ และความยากง่ายของหัวข้อนั้น
5.       ระยะเวลาที่ใช้ทำ งานด่วน งานเร็ว ก็แพงหน่อย งานไม่รีบ มีเวลาให้เยอะ ก็ถูกลงมาน้อย
6.       ตามข้อตกลงพิเศษ เช่น ต้องการให้ทำภาพประกอบขึ้นมาเอง หรือต้องการให้ออกแบบปก เป็นต้น
7.       ตามแต่ตกลง
8.       ราคาขั้นต่ำที่สุด สำหรับรายงานที่ทำง่ายที่สุด ที่จำนวนหน้าน้อยที่สุด จำนวนภาพก็น้อยที่สุด ควรอยู่ที่ 400 บาท ห้ามต่ำกว่านี้เด็ดขาด

ช่องทางการตลาดหาลูกค้าสำหรับอาชีพเสริม รับทำรายงานออนไลน์

                เมื่อคุณรู้แล้วว่า กลุ่มเป้าหมายของคุณคือกลุ่มนักศึกษาที่ไม่ค่อยมีเวลาทำรายงานส่งอาจารย์ ช่องทางการตลาดของคุณ ควรใช้สื่อออนไลน์เป็นหลัก เพราะนักศึกษาเล่านี้ พวกเขาอยู่ในโลกออนไลน์ทุกครั้งเมื่อมีเวลาว่าง ดังนั้นให้คุณตั้งเพจเป็นหน้าร้านเพื่อประกอบอาชีพเสริม รับทำรายงานออนไลน์ ตกแต่งเพจให้เรียบร้อย ดูเป็นมืออาชีพ ดูน่าใช้บริการ จากนั้นค่อยทำการโปรโมทเพจไปยังกลุ่มเป้าหมายของคุณ

อาชีพเสริมโดยไม่ใช้เงินลงทุน (นายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์)

อาชีพเสริม นายหน้าขายบ้านทำเงินล้าน
คุณรู้หรือไม่ในปัจจุบันอาชีพเสริมที่สามารถทำเงินได้มากที่สุด ตั้งแต่หลักหมื่นจงถึงหลักล้านบาท มีอยู่จริง นั้นคือ อาชีพเสริม เป็นนายหน้าขายบ้าน อาชีพนี้ทำได้ไม่ยาก เพราะมันทำได้โคตรง่าย ง่ายมาก แต่มันต้องใช้เวลา เพราะบ้านเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่า ยิ่งราคาแพงยิ่งต้องใช้เวลานานในการขาย

                วันนี้ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เป็นผู้ชาย เป็นผู้หญิง หรือจะประกอบอาชีพอะไรในจักวาลแห่งนี้ จะเป็นคนสวน คนขับรถ ชาวไร่ชาวนา คุณครู คุณหมอ คุณพยาบาล หรือดอกเตอร์ คุณก็สามารถสร้างรายได้ สร้างเงินทอง จากการประกอบอาชีพเสริม เป็นนายหน้าขายบ้าน อาชีพนี้ได้อย่างแน่นอน

ทำไมคุณถึงทำอาชีพเสริม เป็นนายหน้าขายบ้านได้
                คำตอบง่ายมาก ถึงง่ายที่สุด เพราะมันมีตัวอย่างจากผู้คนมากมายหลากหลายอาชีพ ได้เข้ามาทำเงินจากอาชีพเสริมอาชีพนี้จนประสบความสำเร็จไปแล้วหลายต่อหลายคน อีกทั้งอาชีพเสริม เป็นนายหน้าขายบ้าน มันสามารถทำได้โดยไม่กระทบกับการทำงานประจำของคุณ เพราะคุณใช้แค่เวลาว่างในวันหยุด กับหลักเลิกงานของคุณเท่านั้น ในการประกอบอาชีพเสริม เป็นนายหน้าขายบ้าน

อยากทำอาชีพเสริม เป็นนายหน้าขายบ้าน ต้องเริ่มยังไง
                คำตอบง่ายมากเหมือนเดิม สิ่งแรกเลยที่คุณต้องทำคือ ลงทุนในความรู้ เพราะถ้าคุณดันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการซื้อขายบ้าน แล้วกระโดนลงสนามจริงไปทำอาชีพเสริมเป็นนายหน้าขายบ้าน คงไม่มีเจ้าของบ้านที่ไหน หลังไหนกล้าให้คุณขายให้ และคุณก็คงประสบความสำเร็จยากเป็นพิเศษ แล้วคุณจะหาความรู้ รวมถึงพัฒนาทักษะได้ยังไง วิธีการง่ายมาก อยากรู้อ่านต่อด้านล่าง

ก่อนทำอาชีพเสริมเป็นนายหน้าขายบ้าน จะหาความรู้ได้จากที่ไหน
Ø สมัครเรียน คอร์สเป็นนายหน้ามืออาชีพ ตามสถานที่ต่างๆ ขอบอกว่ามีเยอะมาก ถึงมากที่สุด แถมราคาต่อคอร์สก็อยู่แค่หลักพันบาทเท่านั้นเอง ถือว่าไม่แพงมาก การที่คุณไปสมัครเรียนกับรู้โดยตรง ก่อนที่คุณจะมาเริ่มทำอาชีพเสริมเป็นนายหน้าขายบ้าน จะทำให้คุณรู้ทุกอย่าง รู้ทุกกระบวนการในการทำอาชีพเสริมเป็นนายหน้าขายบ้าน ได้อย่างรวดเร็ว ไม่เสียเวลาไปลองผิดลองถูกเอง ตรงนี้จึงสามารถย่อเวลาในการเรียนรู้ของคุณได้เป็นอย่างมาก และแถมคุณยังจะได้ใบประกาศนียบัตรเพื่อนำมารับรองตัวคุณด้วยว่า คุณคือนายหน้าขายบ้านที่เป็นมืออาชีพ

Ø หาความรู้จากหนังสือ หากคุณยังไม่มีเวลา หรือเงินทุนน้อย ไม่สามารถไปเรียนตามคอร์สที่เปิดสอนได้ คุณสามารถหาความรู้ได้จากหนังสือ เพราะมีหนังสือหลากหลายเล่มมาก ที่สอนให้คุณประกอบอาชีพเสริม เป็นนายหน้าขายบ้าน ชนิดที่ว่าบอกคุณหมดครบวงจร อ่านจบ อ่านเสร็จคุณสามารถเริ่มต้นอาชีพเสริมเป็นนายหน้าขายบ้านได้ทันที แต่ในส่วนการหาความรู้จากหนังสือ ต้องแนะนำเลยว่า คุณควรอ่านให้มากๆ อ่านหลายๆ เล่มรวมๆ กัน เพราะในทุกๆ เล่มจะมีเคล็ดลับวิธีการขาย หรือวิธีการจัดการกับเอกสารต่างๆ ที่มีความละเอียดไม่เหมือนกัน ดังนั้นยิ่งคุณอ่านมากเท่าไหร่คุณก็จะยิ่งรู้มากขึ้นเท่านั้น และสุดท้ายยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จในการทำอาชีพเสริม เป็นนายหน้าขายบ้าน เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

Ø ถามจากผู้รู้ หรือขอให้คนรู้จักที่ทำอาชีพเสริมเป็นนายหน้าขายบ้านอยู่แล้ว ช่วยสอนให้ ช่วยแนะนำให้ ว่าคุณต้องรู้อะไรบ้าง ต้องทำอะไรบ้าง ถ้าเป็นไปได้ คุณก็ควรจะติดตามไปเรียนรู้ในสนามจริงกับเขาไปเลยไปดูว่าเขาหาลูกค้ายังไง เขาขายยังไง เขาจดโอนกรรมสิทธิ์กันยังไง เขายื่นเรื่องขอกู้ยืมเงินธนาคารแบบไหน คุณก็เรียนรู้และจดมากให้หมด

บ้านดี มีทำเลดี ราคาถูก
                เมื่อคุณมีความรู้ มีทักษะ มีฝีมือแล้ว หมายถึงรู้ครบทุกกระบวนการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงขอแนะนำให้คุณเริ่มต้นลุยทำอาชีพเสริม เป็นนายหน้าขายบ้าน อาชีพนี้ได้เลย วิธีการหาบ้านมาขายนั้นหาไม่ยากเท่าไหร่ และมีมากมายให้คุณเลือกบ้านดีๆ เพื่อนำมาขายทอดตลาด

1.       หาโดยขับรถออกไปหา แนะนำว่าให้ไปหาบ้านดีๆ ในทำเลดีๆ หรือพูดภาษาชาวบ้านก็ให้ไปหาบ้านที่มันน่าจะขายได้ง่าย ขายได้เร็ว และทำกำไรได้ดี เช่น บ้านเก่าๆ ในทำเลดี ที่มีสภาพดี ไม่มีปัญหาอะไรเลย ถ้าเอามาทาสีให้ดูใหม่ๆ หน่อย อัพราคาได้เป็นล้าน เมื่อคุณเห็นบ้านดีๆ หน้าสนใจ น่าจะขายได้ และมีการติดป้ายไว้หน้าบ้านว่าต้องการขาย คุณก็เข้าไปติดต่อเสนอตัวเองว่าเป็นนายหน้า สนใจให้ขายบ้านให้ไหม ถ้าเจ้าของบ้านตอบตกลง คุณก็จัดการถ่ายรูป เช็คประวัติ เก็บข้อมูลให้เต็มที่ รวมทั้งตกลงเรื่องราคา และส่วนแบ่ง

2.       หาโดยปากต่อปาก ให้คุณบอกคนรู้จัก บอกเพื่อน บอกพ่อ บอกแม่ ว่าคนมีบ้านที่ไหนในทำเลดีๆ ที่ต้องการขายบ้าง คุณสามารถช่วยขายได้นะ

3.       หาบ้านดีๆ ราคาถูก ผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งหาได้ไม่ยากเพียงแค่คุณใช้ Google หามันก็เจอบ้านให้คุณเลือกมากมายหลายหลัง แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าบ้านเล่านี้มักจะมีหน้านายขายอยู่แล้ว และนายหน้าทุกคนก็ยินดีให้ส่วนแบ่งถ้าหาคนมาซื้อได้

4.       หาคนที่ต้องการซื้อบ้านก่อน แล้วค่อยหาบ้าน ให้คุณถามเพื่อน พี่น้อง คนรู้จัก พ่อแม่ ถามไปเลยว่ามีคนที่รู้จักแล้วอยากได้บ้านดีๆ สักหลังไหม อยากได้แถวไหนบ้าง ถ้ามีคุณก็เขาไปติดต่อเก็บข้อมูลว่าต้องการอะไรบ้าน เป็นบ้านแบบไหน ชั้นเดียว หรือสองชั้น จากนั้นคุณก็ออกไปหาบ้านตมความต้องการที่คุณได้รับมา นำไปเสนอ ถ้าเขาตกลงคุณก็นัดผู้ซื้อกับผู้ขายมาเจอกันแล้วทำสัญญาให้เรียบร้อย และบริการจนกว่าจะซื้อขายกันเสร็จ

ค่าตอบแทนจากอาชีพเสริม เป็นนายหน้าขายบ้าน
                ต้องบอกว่าได้เยอะมาก ปกติแล้วไม่ค่อยจะอิงกฎหมายเท่าไหร่ ในส่วนของกฎหมายบอกไว้ คือหน้านายขายบ้านจะได้รับส่วนแบ่งทั้งหมด 3% ของราคาที่ขายได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ขายกับนายหน้าจะตกลงกันในสัญญาว่าจะให้ค่าหน้านายเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ โดยไม่สนใจหรือของ 3% ตามกฎหมาย แต่จะเป็นการบอกว่า ถ้าคุณบวกราคาเพิ่มได้เท่าไหร่ก็เอาไปเลย หรือกำหนดจำนวนเงินที่แน่นอนให้เลย ปกติแล้วไม่ต่ำกว่า 3%


อาชีพเสริมโดยไม่ใช้เงินลงทุน

อาชีพเสริม ซื้อมาขายไปออนไลน์ทำเงินง่ายๆ
                อยากทำอาชีพเสริม อยากมีรายได้เพิ่ม แต่ไม่รู้จะทำอะไรดี กลัวขาดทุน เพราะไม่มีเงินทุน จะทำยังไงดี ง่ายมาก วันนี้บทความบทนี้จะขอนำเสนอหนึ่งในอาชีพเสริมที่สามารถทำได้ง่ายๆ โดยไม่กระทบกับงานประจำของคุณเลย และคุณไม่ต่อออกจากบ้านของคุณไปไหนไกล อาชีพเสริมที่ว่านี้คือ อาชีพเสริม ซื้อมาขายไปออนไลน์ ฟังซื้อแล้วหลายต่อหลายท่านอาจจะงงไม่เอาใจ ว่ามันเป็นอาชีพเสริมแบบไหนกันแน่ ใจเย็นๆ เดียวจะขออธิบายให้ฟัง

อาชีพเสริม ซื้อมาขายไปออนไลน์คืออะไร
                เอาง่ายๆ ภาษาชาวบ้านๆ เลย อาชีพเสริม ซื้อมาขายไปออนไลน์ ก็คืออาชีพที่ทำการซื้อขายสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตนั้นเอง โดยจะมีการซื้อสินค้าราคาถูกนำมาขายในอินเทอร์เน็ตโดยมีการบวกส่วนกำไรเข้าไปกับราคาเป็นที่เรียบร้อย แล้วมันต่างอะไรกับการขายของออนไลน์ ต้องตอบว่าไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ แต่การซื้อมาขายไปออนไลน์นั้นจะเป็นไปในลักษณะ หาความต้องการของลูกค้าก่อนดูว่าลูกค้าต้องการสินค้าอะไร จากนั้นค่อยไปหาสินค้าชนิดนั้นโดยใช้อินเทอร์เน็ตค้นหา และนำมาขายต่อให้กับคนที่สนใจเพื่อทำเงิน ทำกำไรจากส่วนต่างของราคา

ขอยกตัวอย่างเช่น
                เมื่อมีคนมาประกาศขายอยากได้ อยากซื้อ กีตาร์มือสองในราคา 5000 บาท คุณไปเจอเข้าโดยบังเอิญหรือตั้งใจเจอ ให้คุณจดรายละเอียดการติดต่อไว้ให้หมด จากนั้นคุณก็ไปขายกีตาร์มือสองราคาออยู่ในช่วง 4000-6000 บาทนำมาขายต่อให้กับคนที่ต้องการซื้อกีตาร์มือสอง โดยบวกกำไรเข้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

วิธีเริ่มต้นทำอาชีพเสริม ซื้อมาขายไปออนไลน์
                อย่างแรกคุณต้องหาลูกค้าที่มีความต้องการซื้อสินค้าอยู่แล้ว โดยการใช้ Google ช่วยค้นหา ให้คุณพิมพ์คำว่าต้องการซื้อ แล้วต่อท้ายด้วยสินค้าที่คุณสนใจ เช่นต้องการซื้อโทรศัพท์มือถือมือสอง ลงไปในช่องค้นหาของ Google จากนั้นให้คุณกดค้นค้า เมื่อคุณกดคำว่าค้นหาแล้ว มันจะมีรายการผลขอการค้นหาเยอะมากให้คุณ ดูด้านล่างของช่องค้นหา มันจะมีคำว่าเครื่องมืออยู่ ให้กดคำว่าเครื่องมือ จากนั้นไปกดคำว่าเวลาใดก็ได้ ต่อมาก็เลือกเวลาเช่น เลือกเป็น 24 ชั่วโมง ผลการค้นหาของคุณก็จะเจอที่กระทู้ที่ยังสดใหม่อยู่ นั้นแปลว่าคนที่ต้องการซื้อเหล่านั้นพวกเขายังไม่ได้สินค้า

ลำดับต่อมาขั้นที่สอง
                ต่อมาให้คุณใช้วิธีเดียวกันหาสินค้า โดยการใช้ Google ค้นหาสินค้า โดยพิมพ์คำว่าต้องการขาย แล้วต่อด้วยสินค้านั้นๆ ที่คุณต้องการค้นหา เช่น จากตัวอย่างข้างบน ก็ต้องใช้คำว่า ต้องการขายโทรศัพท์มือถือมือสอง และทำทุกอย่างเมื่อข้างบน คือทำให้ผลการค้นหาเป็น 24 ชั่วโมง เพียงเท่านี้คุณก็จะเจอกระทู้ที่เพิ่งโพสสดๆ ใหม่เลย นั้นแปลว่าสินค้าเหล่านั้นพวกเขายังไม่ได้ขายให้ใคร ที่เหลือคุณก็โทรไปขอซื้อสินค้าตกลงราคากันเสร็จ ก็บอกให้เขารอสักครู่ จากนั้นคุณก็โทรไปเสนอขายสินค้าให้คนที่ต้องการซื้อถ้าเขาตกลง คุณก็จัดการซื้อขายและส่งสินค้าได้เลย

 ฝากไว้อีกนิดกับอาชีพเสริม ซื้อมาขายไปออนไลน์

                การซื้อขายออนไลน์ ต้องระวังเลือกการโดนหลอกให้โอนเงิน ดังนั้นแล้วคุณควรตรวจสอบคู่ค้าทุกครั้งก่อนโอนเงินหรือไม่ก็ใช้วิธีชำระเงินปลายทางจะปลอดภัยกับตัวคุณมากที่สุด เดียวนี้ไปรษณีย์ไทยเขาก็มีบริการจัดเก็บเงินปลายทางด้วยคุณก็สามารถใช้บริการได้

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

คิดเป็นเห็นทางรวย

คิดยังไงให้เห็นทางรวย

บทความที่แล้วได้เล่าถึงว่าถ้าต้องการหารายได้เสริ่ม ต้องการเริ่มธุรกิจด้วยการขายสินค้า จะเลือกขายอะไร

วันนี้มาต่อเนีื่องกัน เมื่อเลือกได้แล้วว่าจะขายอะไร สิ่งสำคัญต่อไปคือ 
คิดยังไงให้เห็นทางรวย

ความเป็นมือใหม่อาจทำให้หลายๆคนที่คิดจะเริ่มต้นอาชีพด้วยการขายมีความกังวล หยิบจับอะไรก็งง ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน มองอะไรเป็นเรื่องยากไปซะหมด แม้แต่เรื่องที่สามารถทำได้ง่ายๆ อย่างเช่นการขายสินค้าตามตลาดนัด ที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน คำถามที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือ ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอาชีพค้าขายอย่างไรดี หรือขายอะไร ขายยังไง หากผ่านขั้นตอนการวิเคราะห์และเลือกสินค้าที่ต้องการขายได้แล้ว แต่ยังไม่เชื่อมั่นและยังรู้สึกลังเลที่จะเริ่มต้นขาย วิธีแก้ปัญหาต้องเริ่มจาก มีสติ นิ่งอยู่กับตัวเองซักพัก แล้วเริ่มต้นด้วยการปรับเปลี่ยนแนวคิดและสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองก่อนเป็นสิ่งแรกว่า "ฉันทำได้" แล้วกระบวนการหรือวิธีการต่างๆจะมาเอง 

1.เชื่อมั่นว่าเราทำได้
ความคิดเป็นตัวกำหนดการกระทำของคนเรา เพราะเมื่อคิดว่าทำได้ เราก็จะทำสิ่งนั้นได้ วิธีการคือให้สะกดจิตตัวเอง ทุกวัน ทุกเวลา ถ้าเราตั้งใจที่จะทำสิ่งใดแล้ว ให้มองกระจก จ้องอย่างมีสติ บอกตัวเองซ้ำๆ ว่าฉันทำได้ ฉันทำได้ ฉันทำได้ เมื่อใจเรามีพลังแล้ว ขายยังไง จึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ เนื่องจากการเริ่มต้นจะทำให้ได้เรียนรู้และมีแนวทางในการเป็นนักขายได้ไม่ยาก

2.มีเป้าหมาย
เมื่อเราวิเคราะห์และเลือกสินค้าที่ต้องการขายไว้แล้ว เช่น เลือกขายสินค้าประเภทที่ต้องกินต้องใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน และเป็นสินค้าที่เหมาะกับตัวเรา หรือเลือกขายสินค้าแปลกแหวกแนว สินค้าที่ตลาดกำลังต้องการแล้ว กำหนดเป้าหมายการเดินทางแต่ละสเต็ปให้ชัดเจน การกำหนดเป้าหมายเล็กๆ ก่อน เพื่อเป็นการสะสมพลังความสุข เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายใหญ่ที่เราต้องการ

 3.คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก
อยากรวยต้องคิดใหญ่ ตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้คนเราประสบความสำเร็จในอาชีพ ก็คือแนวคิด “เมื่ออยากรวยก็ต้องคิดแบบคนรวยคิด” ถึงแม้ด้วยปัจจัยสนับสนุนของเราหลายประการ จะบีบบังคับให้เริ่มต้นจากงานขายเล็กๆ แต่ถ้าคิดถึงทางรวยต้องมองไปที่เป้าหมายใหญ่สุดทาง

 4.เรียนรู้ความสำเร็จของคนอื่น
ระยะเวลาบนโลกธุรกิจสั้น คิดเร็ว เดินเร็ว ทำเร็ว สำเร็จเร็ว สูตรสำเร็จเหล่านั้น มีคนทำแล้วประสบความสำเร็จมาแล้ว ในโลกเทคโนโลยีอย่างทุกวันนี้ เราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเอง มันอาจจะช้า ไม่ทันโลก ไม่ทันเทคโนโลยี วิธีการที่ดีที่สุดคือ ศึกษา เรียนรู้ จากคนที่ประสบความสำเร็จ ในด้านที่เราสนใจ ศึกษาแนวคิดและวิธีการที่แตกต่างของแต่ละคน เป็นตัวช่วยผลักดัน  การเรียนรู้ความสำเร็จของคนอื่นทำได้หลายรูปแบบ  และทำได้อย่างรวดเร็ว เช่น ติดตามอ่านเรื่องราวของบุคคลที่เราสนใจเพื่อนำมาเป็นแรงบันดาลใจ หรือหากต้องการลงทุนเรียนรู้ ปัจจุบันยังมีการจัดคอร์สเรียนรู้ทั้งการสอนผ่านโลกออนไลน์หรือจัดอบรมสัมมนาระยะสั้นๆให้เลือกเรียนรู้ได้ตามที่ต้องการ

5. เรียนรู้จุดบกพร่องของตนเอง
"รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง"
เมื่อเริ่มเรียนรู้ความสำเร็จของคนอื่น  ต้องเรียนรู้ข้อบกพร่องของตนเองด้วย เพราะ “ทุกความผิดพลาดคือการเรียนรู้” การเรียนรู้ความสำเร็จของคนอื่นและเรียนรู้จุดบกพร่องของตนเอง ทำให้เห็นข้อแตกต่าง เมื่อนำมาวิเคราะห์จะรู้ได้ด้วยตนเองว่า คิดยังไง จึงจะทำให้เราประสบความสำเร็จ


“คิดยังไงให้เห็นทางรวย” หากปรับแนวคิดและสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับตนเองได้ครบทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมา นอกจากพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ทุกคน จะหาคำตอบให้กับตนเองได้แล้ว อนาคตเถ้าแก่มือใหม่อนาคตไกลก็อยู่ไม่ไกลเช่นกัน

ขายอะไรถึงโดนใจตลาด

อยากเริ่มต้นค้าขายแต่ยังไม่รู้จะขายอะไร

ความต้องการอยากได้อยากดีหรืออยากมั่งมีเงินทอง เป็นเรื่องปกติทั่วไปที่ทำให้คนเราต้องดิ้นรนหางานหาอาชีพเพื่อสร้างรายได้ การเลือกทำงานเหมือนๆกันโดยเฉพาะอาชีพค้าขาย การขายสินค้าประเภทเดียวกัน ขายเหมือนๆกันแต่อาจไม่ประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน ค้าขายเป็นงานสร้างรายได้ที่มีหลายรูปแบบ ขายอะไรที่สามารถทำให้เรามีรายได้ตามที่ต้องการสำหรับคำถามนี้  เรามีคำตอบมาให้
ขายอะไร

คำถามง่ายๆ แต่การหาคำตอบสำหรับคนที่เพิ่งจะเริ่มต้นอาชีพค้าขายคงเป็นเรื่องยาก ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จจะมีแนวคิดในการเลือกสินค้ามาขายตามหลักการตลาด ซึ่งแบ่งประเภทของสินค้าออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่

1.ขายสินค้าที่ต้องกินต้องใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน
สินค้าประเภทนี้เป็นปัจจัยสี่ที่คนเราต้องกินต้องใช้ เป็นกลุ่มสินค้าที่สามารถขายได้ทุกวันและทำให้มีรายได้อย่างสม่ำเสมอ ส่วนจะทำอย่างไรให้ขายดีขายง่าย หลักการง่ายๆก็คือ การเลือกขายสินค้าที่เรามีความชอบ หรือมีความรู้ความสามารถถนัดในเรื่องนั้นๆเป็นต้นทุนอยู่ก่อนแล้ว เช่น มีฝีมือและชอบทำขนมหวาน ชอบทำขนมไทยๆก็ควรเลือกขายขนมหวานเป็นอาชีพหากไม่มีความสามารถด้านใดที่โดดเด่น หรือยังไม่มั่นใจในตนเองว่ามีความชื่นชอบในเรื่องใดเป็นพิเศษ การ เลือกขายสินค้าที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันประเภทซื้อมาขายไปอย่างเช่นเสื้อผ้าแฟชั่นหรือเสื้อผ้ามือสอง ก็สามารถทำให้ประสบความสำเร็จในอาชีพนั้นๆได้เช่นกัน

2.ขายสินค้าที่มีความแปลกใหม่ หรือเป็นสินค้าที่กำลังมาแรง
การเลือกขายสินค้าประเภทนี้ อาจจะต้องมีความสามารถหรือมีพรสวรรค์ติดตัวมาบ้าง หรือถ้าไม่มีต้องพกความขยันมาเป็นพิเศษ เช่น มีความเชื่อและชอบในเรื่องหินสีหินมงคลต่างๆ หรือชื่นชอบงานฝีมือประเภทเย็บปักถักร้อย อาจเลือกขายหินมงคล หินสี ลงทุนร้อยสร้อยหินด้วยตัวเอง ศึกษาเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆเกี่ยวกับหินสีสร้างความโดดเด่นให้กับสินค้าด้วยตัวของเราเองหรือมีไอเดียมีความสามารถในการออกแบบตัดเย็บ อาจเลือกเสื้อผ้ามือสองมาออกแบบตกแต่ง หรือเปลี่ยนรูปแบบให้มีความน่าสนใจ เป็นงานประเภท DIY ที่สร้างความน่าสนใจให้กับลูกค้า และยังสามารถสร้างรายได้ให้ไม่น้อยกว่าสินค้าประเภทอื่นๆ

หลักในการเลือกสินค้ามาขายทั้ง 2 ลักษณะ เป็นเพียงองค์ประกอบส่วนหนึ่งเท่านั้นสำหรับคนที่ต้องการมีรายได้จากอาชีพค้าขาย “ขายอะไร” เพื่อให้มีรายได้ตามที่ต้องการ คำตอบที่ดีที่สุดก็คือ ค้นหาตัวตนของเราให้เจอแล้วนำสิ่งนั้นออกมา เมื่อเป็นสิ่งที่เรารัก เราสนใจไม่ว่าสินค้านั้นจะเป็นอะไร หรือเป็นสินค้าประเภทใด โอกาสประสบความสำเร็จเป็นเถ้าแก่มือใหม่เกิดขึ้นได้เมื่อหาได้ชัดเจนว่าจะ "ขายอะไร" 

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เงินเดือนเยอะ ไม่สำคัญเท่าเงินออมแยะ

เงินเดือนเยอะ ไม่สำคัญเท่าเงินออมแยะ

พอดีไปเจอบทความ 30 อาชีพรายได้เยอะที่มนุษย์เงินเดือนต้องอิจฉา !!  ก็แน่นอนล่ะค่ะ หมอ วิศวะ อาชีพทำเงินท็อปฮิตและยังมีอาชีพแปลกๆ อย่างนักพยาธิวิทยาด้านการพูดและภาษาด้วยนะคะ เงินเดือนหลักแสนเหมือนกัน ลองเข้าไปอ่านดูสิคะที่ money.kapook.com น่าสนใจดีค่ะ

 แต่วันนี้ไม่ได้จะมาชวนให้อิจฉาคนอาชีพดีๆ เงินเดือนเยอะๆ แหม ทางใครก็ทางมัน ถนัดอะไรชอบงานแบบไหนก็ทำอาชีพนั้น และถามตัวเองว่ามีความสุขกับสิ่งที่ทำแล้วหรือยังดีกว่า และสิ่งที่จะแชร์วันนี้เป็นคนละประเด็นกันกับเรื่องอาชีพทำเงินนะคะ  แต่เป็นเรื่องที่ว่า  “เงินเดือนเยอะไม่สำคัญเท่าเงินออมแยะ”

การได้รับเงินเดือนเยอะๆ นั้นถือเป็นโอกาสที่ดี ถ้าเรามีโอกาสได้ทำงานแบบนั้นบ้าง คงนำมาทำอะไรต่อมิอะไรได้อีกมากมาย ซึ่งตรงจุดนี้แหละที่สำคัญว่าเราจะนำเงินนั้นไปทำอะไร บางคนใช้ซื้อทรัพย์สิน บ้าน ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ บางคนนำเงินไปต่อยอดลงทุนในหุ้นบ้าง กองทุนบ้าง บางคนฝากธนาคารไว้ใช้ยามจำเป็น โอ้ว แบบนี้ค่อยน่าอิจฉา

ขณะที่บางคนใช้ไปกับการเที่ยวเตร่ ซื้อสิ่งของสนองความอยากได้ไปเรื่อยๆ เงินเดือนเยอะซะอย่างอยากทำอะไรก็ทำ การได้รับเงินเดือนจึงยังไม่ใช่ปัจจัยสู่ความมั่งคั่งที่แท้จริง ขึ้นอยู่กับว่า เราได้มีการจัดการกับเงินนั้นอย่างไร เงินเดือนเยอะไม่สำคัญเท่าเงินออมแยะ คนที่ทำเงินได้หลักแสนต่อเดือน แต่ไม่เงินออมสำหรับอนาคต สู้คนเงินเดือนน้อยแต่ออมเงินเยอะไม่ได้ ไม่ต้องมากเอาแค่พนักงานขายธรรมดาๆ นี่แหละ เงินเดือนไม่ถึงสองหมื่น รับเงินเดือนปุ๊บเข้าบัญชีเงินออมปั๊บถึง 30 เปอร์เซ็นต์ทุกเดือน ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค่าใช้จ่ายประจำเดือน เช่นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ามือถือค่าเน็ท ฯลฯ

ให้สังเกตคำว่า “ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่าย” ตรงนี้สำคัญมากที่ต้องสร้างให้เกิดเป็นวินัยของตัวเอง เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้ารับเงินเดือนแล้วไม่หักเงินออมไว้ก่อน โอกาสเหลือเก็บนั้นจะน้อยลงไปทีละวันๆ ค่ะ แต่ถ้าออมเข้าบัญชีก่อนแล้วค่อยเหลือไว้ใช้ ยังไงก็ไม่พลาด แรกๆ ยังไม่ต้องออมเยอะก็ได้ 30 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนก็เทพแล้ว อาจมากหรือน้อยกว่านี้นิดหน่อยก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีภาระขนาดไหนในแต่ละเดือน List ออกมาให้หมดเลยค่ะจะได้จัดการกับเงินเดือนทั้งหมดกับเงินออมและค่าใช้จ่ายทุกส่วนให้ลงตัว

 ข้อสำคัญก็คืออย่าลืมสร้างวินัย “ออมก่อนใช้” ให้ได้ทุกเดือน อีกหน่อยเงินเดือนขึ้น ภาระค่าใช้จ่ายลดลง ค่อยเพิ่มสัดส่วนเงินออมให้มากขึ้นก็ยังได้ค่ะ







อาชีพเสริม สร้างรายได้จากการเขียนหนังสือ

อาชีพเสริม สร้างรายได้จากการเขียนหนังสือ
ในโลกยุคปัจจุบัน ที่ไม่ใช่ยุคไดโนเสาร์นี้ ใครว่างานเขียนมันทำได้ยาก ใครว่าเป็นนักเขียนแล้วไส้แห้ง ใครว่างานเขียนมันสร้างรายได้ไม่ได้ ต้องขอบอกเลยว่ามันไม่จริง เพราะอะไร เพราะในปัจจุบันผู้คนนิยมเสพสื่อกันมาก นั้นแปลว่ามีนักอ่านเพิ่มมากขึ้น และยิ่งเป็นยุคที่ผู้คนสื่อสารกันผ่านโลกอินเทอร์เน็ตแล้ว สื่อสารกันผ่านตัวอักษรอยู่แล้ว ทำให้ในปัจจุบันมีผู้คนสนใจการสร้างรายได้เสริมจากงานเขียนเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเขียนบทความ เขียน E-book เขียนข่าว เขียนหนังสือ เป็นต้น คุณเองก็สามารถทำได้ ถ้าคุณไม่เชื่อว่าคุณเองก็เป็นนักเขียนได้ อ่านต่อไป

คุณรู้หรือไม่ว่าตัวคุณเองเป็นนักเขียนอยู่แล้ว
ถ้าคุณไม่รู้ตัว เราจะขอเฉลยให้คุณฟัง ทำไมคุณถึงเป็นนักเขียนอยู่แล้ว เพราะคุณเคยสร้างงานเขียนมาแล้วอย่างแน่นอน เช่น คุณต้องเคยเขียนเรียงความวันพ่อ วันแม่ วันสำคัญต่างๆ หรือวันอะไรก็ได้ รวมทั้งคุณเองก็ต้องเคยผ่านการเขียนรายงานส่งคุณครูมาแล้วอย่างแน่นอน(ยกเว้นถ้าคุณไม่ได้เรียนหนังสือมา) เห็นไหมว่าคุณเป็นนักเขียนอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว ทีนี้เราไปดูโครงสร้างของงานเขียนกันเลยนะ

งานเขียนมีโครงสร้างอะไรบ้าง
ชื่อเรื่อง คิดและกำหนดชื่อเรื่องตามความต้องการของตลาด หรือตามข้อมูลที่คุณมี รวมทั้งตามใจคุณ

ส่วนบทนำหรือเกริ่นนำ คือการเขียนถึงความสำคัญของเรื่อง เพื่อบ่งบอกว่าเรื่องที่คุณเขียนมันน่าสนใจยังไง

ส่วนเนื้อเรื่อง ในส่วนนี้ก่อนที่คุณจะเขียนคุณต้องหาแก่นของเรื่องให้เจอก่อน จากนั้นให้คุณเขียนมุ่งตรงไปหาแก่นของเรื่อง

บทสรุป คือการสรุปเรื่องทั้งหมดของคุณว่าคุณได้ให้ประโยชน์อะไรไปบ้างแก่ผู้อ่าน

คุณจะขายงานเขียนเพื่อสร้างอาชีพเสริม ได้ทางไหนบ้าง
- อย่างแรกเลยเมื่อคุณเขียนหนังสือคุณก็ต่อติดต่อให้สำนักพิมพ์ช่วยพิจารณา พิมพ์ออกมาขายให้คุณและคุณก็จะได้รับ 10% จากราคาปก จากยอดขายของคุณ หารายชื่อสำนักพิมพ์ต่างๆ หรือช่องทางการติดต่อได้ไม่ยาก คุณใช้ Google หาได้เลย อย่างที่รู้ๆกัน อากู๋ช่วยได้ทุกอย่าง

- คุณทำเป็น E-book หาตามเว็บไซต์ขาย E-book ต่างๆ หรือคุณจะขายเองตามโซเชียลที่คุณใช้งานอยู่ก็ได้ และอย่านึกว่ารายได้จากการขาย e-book มันจะน้อยนะ ต้องบอกว่าถ้าหนังสือของคุณเป็นที่ต้องการของตลาด และทำการตลาดดี รับรองได้เลยว่ารายได้เป็นกรอบเป็นกำ

- ยังมีงานเขียนอื่นๆ เช่นเขียนบทความ หรือเป็น  Ghost  Writer  ไม่ใช่นักเขียนเรื่องผีนะ เป็นอีกอาชีพเสริมที่กำลังมาแรง วันหลังมาเล่ากันยาวๆ


สุดท้ายเขียนยังไงให้ขายดี


ข้อนี้ตอบสั้นๆ ยาก ขอตอบแบบยาวๆเลยแล้วกัน เขียนหนังสือยังไงให้ขายได้ ขายดี ขายถล่มทลาย ง่ายมาก ง่ายสุดติ่งกระดิ่งแมว  คุณก็เขียนในเรื่องที่ตลาดมีความต้องการสูง เขียนในเขียนที่มีคนเขาอยากอ่าน เขียนในเรื่องที่มีคนเขาสนใจ เขียนในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คนจำนวนมาก เขียนในเรื่องที่แก้ปัญหาด้านต่างๆ ในชีวิตของผู้คน แต่ถ้าคุณเขียนแต่ในเรื่องที่คุณอยากเขียน  เขียนในเรื่องที่ไม่มีคนอยากอ่าน  รับรองได้เลยว่าคุณได้อดตายแน่นอน


วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ขายเสื้อผ้าตลาดนัดต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่

ขายเสื้อผ้าตลาดนัดต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่

น้องๆ นักศึกษา พนักงานประจำ ที่อยากหารายได้พิเศษ อยากรู้เบื้องต้นว่า ถ้าจะขายเสื้อผ้ามือสองแนวแฟชั่น หรือแนวอื่นๆ ที่มีให้เลือกตามท้องตลาด จะต้องลงทุนอย่างต่ำๆ ต้องลงทุนกันซักเท่าไหร่

วันนี้มาตอบโจทย์ความต้องการกัน จำนวนเงินลงทุนขึ้นอยู่กับ สถานที่ กลุ่มลูกค้า และสินค้าที่เลือกมาขายด้วย ซึ่งการเลือกสินค้าได้อธิบายกันไปแล้ว อย่างคร่าวๆ ก็คือ ต้องเลือกให้เหมาะกับตัวเรา ตลาด และกำลังซื้อของลูกค้า

1. วัตถุดิบ
- ค่าเสื้อ
ตัวละ 10 บาท X 150 ตัว = 1500 บาทหรือ
ตัวละ 20 บาท X 150 ตัว = 3000 บาทหรือ
ตัวละ 35 x 50 ตัว = 1750 บาทหรือ
ตัวละ 35 50 ตัว 1750 บาท
- ราวตลาดนัด 2 ชั้น ขนาด 1.5 เมตร ราคา 800 บาท
ไม้แขวน 16 โหล 192 อัน ราคา 2.5 บาท = 480 บาท
รวม 2,780 บาท

2. ค่าสถานที่ ขึ้นอยู่กับทำเล
3. ค่าเดินทาง
4. ค่าพนักงานขาย

แท้จริงแล้ว เงินลงทุนเราสามารถ ปรับได้ตามกำลังที่เรามี และ สามารถตัดทอนบางอย่างที่ไม่จำเป็นได้ถ้างบยังสูงเกินไป เช่น อาจตัดราวกับไม้แขวนออกก่อน เมื่อมีทุนค่อยเสริมเพิ่มเติมเป็นต้น


ถ้าจะเริ่มต้นเงินลงทุนไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ที่ใหญ่กว่าคือ 

ตอนนี้ใจใหญ่กว่าปอดแล้วหรือยัง  

เปิดร้านขายเสื้อผ้ามือสอง ลงทุนเท่าไหร่ดี

เปิดร้านขายเสื้อผ้ามือสอง ลงทุนเท่าไหร่ดี

เป็นที่สนใจของผู้อยากเริ่มต้นธุรกิจเสื้อผ้ามือสอง ถามกันมาเยอะว่าต้องมีเงินลงทุนเท่าไหร่ถึงจะเปิดร้านขายเสื้อผ้ามือสองได้ วันนี้ลองคำนวณให้ โดยประมาณ สำหรับร้าน ขนาด 4 X 6 เมตร ก็ประมาณ ตีกแถว 1 ห้อง ขายได้ทั้งปลีกและส่ง กันไปเลย 


เริ่มจากอุปกรณ์จำเป็นที่จะต้องมี ก็ ได้แก่ ราวผ้า ไม้แขวน กระจก แล้วก็เสื้อผ้า 


ราคาโดยประมาณ 

1. ค่าเช่าห้อง ขนาด 4 X 6 เมตร 8000 บาท (ขึ้นอยู่กับทำเลแต่ละที่ด้วยน้า)
2. หุ่น 3 ตัว ๆละ 2000 บาท = 6000 บาท
3. หุ่น ครึ่งซีก สำหรับแขวนโชว์ 8 ตัวๆละ 60 บาท = 540 บาท
4. ราวผ้า สแตนเลส คู่ ยาว 1.5 เมตร 3ราว ราวละ 2850 บาท = 8550 บาท
5. ราวเหล็ก 3 แขน 2 ชั้น ยาว 1.1 เมตร ราวละ 2250 บาท = 6750 บาท
6. ไม้แขวน 100 โหล 1200 อันๆละ 2.5 บาท = 3000 บาท
7. กระจำ 1 อัน ราคา 800 บาท
8. ค่าคนขาย วันละ 300 บาท (อันนี้ไปคำนวณระยะยาวอีกทีนะค่ะ)
9. ป้าย บอกราคา 200 บาท 
10. ค่าเสื้อผ้า 
- เสื้อ ตัวละ 50 บาท 500 ตัว = 25,000 บาท
- แซก ตัวละ 100 บาท 200 ตัว = 20000 บาท
- เสื้อยืด ตัวละ 35 บาท 300 ตัว = 10500 บาท
- กางเกง ตัวละ 50 บาท 100 ตัว = 5000 บาท
- กระโปรง ตัวละ 50 บาท 100 ตัว = 5000 บาท

รวม 99,640 บาท


ลองดูนะค่ะ วันหลังจะมาประมาณราคาสำหรับราคาเริ่มต้นสำหรับน้องๆที่สนใจรายได้เสริมตลาดนัด หรืออินเตอร์เน็ต ถ้าไปที่ร้าน มีเงินลงทุน  1500 บาท ก็เริ่มได้แล้วค่ะ หรือมีไม่ถึง ไปซื้อ นี๊ดหน่อย หรือซื้อปลีก ทางร้าน +เพิ่มเสือตัวละ 20 แซกตัวละ 30 เอาไป ทดลองขายก่อน ถ้าไปฉลุยแล้วค่อยกลับมาซื้อเยอะๆ ได้ค่ะ


เทคนิคการขายของตลาดนัด 12 กลยุทธขายดีตลอดวัน

12 กลยุทธขายดีตลอดวัน


สำหรับคนที่ยึดอาชีพขายสินค้า เกือบทุกคนอยากมีรายได้จากการขายเข้ามาทุกวัน ๆละ มากๆ แต่จะทำอย่างไร ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้น

หลายคนบอกว่า การค้าขายดีมีกำไร อยู่ที่พรสวรรค์ หรือดวง ความจริงพรสวรรค์หรือดวงก็มีส่วนบ้าง แต่ความสำเร็จที่แท้จริงแล้ว อยู่ที่พรแสวง ความมุ่งมั่น ตั้งใจ ต่อไปนี้จะเป็น 12 แนวทางถึงความสำเร็จ ถ้ามุ่งมั่นและตั้งใจจริง

1. วิ่งขายจะดีกว่า เพราะกลุ่มเป้าหมายเปลี่ยน หรือ เลือกทำเลที่คนสัญจรเยอะๆ
2. สินค้าน่าสนใจ อยู่ในความต้องการของตลาด
3. ราคาสมเหตุสมผล
4. แต่งร้าน สวยๆ น่าดู น่าซื้อ เป็นหมวดหมู่
5. วางชิ้นสวยที่สุดในที่สะดุดตา
6. ป้าย เซลลล ใหญ่ๆ เห็นเด่นชัด
7. มีห้องแต่งตัวหรือกระจก
8. มีอุปกรณ์ครบครัน เช่น สายวัด ผ้าถุงสำหรับลอง พัดลม
9. คนขายทักลูกค้าก่อน หน้าตายิ้มแย้ม เชิญชวน ขายได้ไม่ได้ ก็ยังน่ารัก 
10. เวลาลูกค้าเลือกอย่ากวนใจ ปล่อยตามสบาย
11. ลดนิ๊ดลดหน่อย ได้ใจลูกค้า
12. คนขายควรจัดร้านตลอดเวลา ไม่มีลูกค้าก็ต้องเคลื่อนไหว


เด็ก ป.4 มีเงินเก็บหลักหมื่น เด็กทำได้ คุณก็ทำได้

กระปุกออมสินของลูก...ขุ่นแม่นี่เงิบเลย

พูดแล้วอายเด็กจัง เมื่อวานได้คุยกับน้องแอนนา ลูกสาวของเพื่อนสนิทค่ะ น้องแอนนาแค่ขึ้น ม 2 ก็มีเงินเก็บในบัญชีเกือบเข้าเขตหกหลักเข้าไปแล้ว คุณแม่น้องแอนนาเล่าว่า ฝีมือของน้องล้วนๆ คุณแม่นี่เงิบเลย 
น้องแอนนาไม่ได้ออมเงินเล่นๆ หรือหยอดกระปุกไปตามคำสอนของผู้ใหญ่เท่านั้น แต่เป็นการออมเงินอย่างมีเป้าหมาย
·         เลือกเก็บเฉพาะแบงก์ไม่เก็บเหรียญ “เหรียญเยอะๆมันหนัก นับยากด้วยค่ะ แบกแทบแย่แลกธนาคารได้ไม่ถึงสองพันแถมเจ้าหน้าที่บ่นอีกตะหาก” โอ้วน้องแอนนาขา ฉลาดกว่าป้าอีกนะลูก ป้าใช้แต่แบงก์เพราะมันหยิบง่าย ส่วนเหรียญป้าเก็บหยอดกระปุกเหมือนกัน จนป่านนี้พันนึงยังไม่ได้
·         ออมเงินอย่างต่ำวันละ 20 บาททุกวันไม่เว้นวันหยุด แม้ว่าคุณแม่จะให้เงินไปโรงเรียนวันละ 80 บาท ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เพราะไม่ได้ไปโรงเรียน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะน้องแอนนามีรายได้เสริมจึงสามารถเก็บเงินออมได้ไม่มีสะดุด
·         ตอนอยู่ ป 4 แอนนาก็เริ่มมีรายได้จากการช่วยคุณครูที่ร้านสหกรณ์โรงเรียน เพิ่งมาเริ่มทำเงินจากการขายแหวนแฟชั่นในอินสตาแกรมตอน ม.1  บางครั้งได้เงินมากกว่ารายได้ประจำจากคุณแม่อีกด้วยค่ะ แหวนขายดีคนฟอล IG เยอะมาก ขอบอก
·         ไม่เคยเอาเงินออมมาใช้ เพราะแอนนาไม่จำเป็นต้องซื้ออะไร เสื้อผ้า หนังสือ อุปกรณ์การเรียน ฯลฯ คุณพ่อคุณแม่ต้องจ่ายอยู่แล้วนี่คะห้ามไม่ได้ค่ะเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะน้อยใจ  อ้อ อย่างนี้นี่เล่าถึงเก็บออมได้เป็นกอบเป็นกำเชียว  อ่ะจ้ะ...เอาที่สบายใจเลย
·         เงินเก็บแบ่งมาซื้อแหวนขายตอนเปิด IG แอนนาเปิดร้านขายแหวนจากเงินออมของตัวเองค่ะ พอขายได้ก็เอาเงินไปซื้อมาขายเพิ่ม ...ส่วนของกำไร แอนนาก็จับใส่กระปุกออมสินเข้าไปอีก โอ้ว ไม่รวยก็ไม่รู้จะว่าไง เด็กอะไรรู้จักลงทุนเพิ่มดอกผลให้งอกเงยได้อีก
·         เพิ่มเป้าหมายขึ้นเรื่อยๆ จากพัน เป็นหมื่น และกำลังจะเพิ่มเป้าหมายเป็นแสนให้ได้ก่อนจบ ม 6
จบ ม. 6 มีเงินเก็บเป็นแสน ต้องเรียกว่าเป็นการเริ่มต้นที่รุดหน้า กว่าน้องแอนนาจะเรียนจบอาจถึงครึ่งล้าน ซึ่งเชื่อว่าน้องทำได้ถ้าเป้าหมายยังคงปักแน่นอย่างนี้ตลอดไป อย่าว่าแต่คุณแม่ของน้องแอนนาจะเงิบเลยค่ะ ใครเห็นใครก็เงิบ โดยเฉพาะผู้ที่ยังจดๆ จ้องๆ จะเก็บออมแต่ยังเริ่มไม่ได้เสียที เรียนจบก็แล้ว ทำงานก็แล้ว แต่งงาน...ก็แล้ว

วันนี้ลองดูสักหน่อยมั๊ยคะ อย่ามัวเงิบ

เด็กทำได้ คุณก็ทำได้ เริ่มเก็บออมกันเลยนะค่ะ

เส้นทางสู่ความสำเร็จ สูตร เป็นจริงได้

มีอินบล็อค ขอให้พี่มดแนะนำ แนวทางการปลุกพลัง ให้เชื่อว่า "เราทำได้" 
.
ขอเริ่มต้นด้วยเล่าเส้นทางการเดินทางบนธุรกิจของตัวเอง ให้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงก่อนนะค่ะ ว่ากว่าจะมาเป็นทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เราผ่านอะไรมามากมาย ขอแต่ให้มองปัญหาอุปสรรค เป็นสิ่งท้ายทาย เป็นโจทย์ที่ทำให้เราเติบโต
.
จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ ความเป็นมา
วิเคราะห์ตัวตน 
ด้วยความที่ตัวเองเคยเป็นคนไม่มีมาก่อน พอมีลูก ด้วยความรักที่มีให้เขา ด้วยพลังของความเป็นแม่ แล้วย้อนนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเคยผ่านมาในอดีต ไม่อยากให้เค้าลำบากเหมือนที่เราเคยผ่านมา ถึงตอนนี้ก็คิดว่าเราน่าจะมีรายได้เพิ่ม เพื่อที่ถ้าลูกโตขึ้นจะได้ไม่ลำบาก เหมือนที่ตัวเองเคยประสบมา ก็เริ่มมองหารายได้เสริม ความที่ตัวเองเป็นคนชอบค้าขาย ก่อนที่จะเรียนปริญญาโทก็หาค่าเทอมด้วยการร้อยคริสตัลขาย เลยคิดว่า สิ่งนี้แหละน่าจะเป็นตัวตนเรามากที่สุดแล้ว

มองโลกตามความเป็นจริง
เมื่อตัดสินใจว่าจะค้าขาย ก็มาคิดวิเคราะห์ว่าจะขายอะไรดี โดยการวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค ข้อจำกัด และโอกาสความเป็นไปได้ โดยเปรียบเทียบ ระหว่าง สินค้า ตลาด ลูกค้า และข้อจำกัดของเราเอง 
เช่น 
อาหาร ขายได้แน่ๆ แต่ติดข้อจำกัดเรื่องเวลา สถานที่ อุปกรณ์ ฝีมือไม่น่าจะประทับใจผู้ชิม
คริสตัล ทำเป็น แต่เวลานี้เป็นช่วงตลาดขาลง หมดความต้องการของลูกค้า
เสื้อแฟชั่น กระเป๋า รองเท้า ขายได้แน่ๆ แต่เป็นคนไม่แต่งตัว ไม่น่าจะนำเสนอสินค้าได้ดี เพราะเป็นคนแต่งตัวเรียบๆ กระเป๋า รองเท้า มีอย่างละชิ้น 
ลงตัวที่เสื้อผ้าเด็ก เด็กไม่ต้องอธิบายเรื่องแฟชั่น ไซด์เปลี่ยนบ่อย ยังไงก็ต้องซื้อ และพอมีความรู้เรื่องเสื้อผ้าเด็กอยู่บ้าง 
ก็สรุปลงตัวที่เสื้อผ้าเด็ก

3ท ทำทันที
เมื่อตัดสินใจจะขายเสื้อผ้าเด็ก ก็ต้องมาคิดต่อว่า เสื้อผ้าเด็กตัวไหนที่จะตรงตามความต้องการของตลาด สิ่งที่เราๆท่านๆ เข้าใจก็คือ เสื้อผ้าเด็ก ต้องมือหนึ่ง ต้องแบรนด์เนม แต่ราคาไม่สูง ยิ่งพวกราคาต่ำกว่าห้างนี่ จะแหล่มมาก ตรงกับจิตใจคนไทย ของดีราคาถูก เมื่อคิดได้อย่างนั้น ก็เริ่มหาแหล่งซื้อ ไปเจองานเกินออเดอร์ส่งออก ตอนนั้นมีเงินทุนอยู่ 3หมื่นทุ่มสุดตัว สั่งมากองเต็มบ้านเลย

“มองปัญหาเป็นโอกาสและความท้าทาย”
เมื่อได้เสื้อผ้าเด็กมาแล้ว ก็ปลื้มและชื่นชมกองผ้าที่ได้มา และเริ่มขายทันที ที่เว็บที่เปิดไว้ tulbabyshop แล้วก็ทำตามหลักเปี๊ยบเลย ไปโฆษณาตามที่ต่างๆ ปรากฏว่าขายไม่ออกเลย ก็ลองเปลี่ยนไปขายตลาดนัด ในวันหยุด ก็ขายไม่ค่อยดี ออกตลาดนัดอยู่หลายเดือน ขายไปได้ทั้งหมดประมาณ 20% แต่สุดจะขาดทุน เพราะหมดไปกับ ค่าที่ ค่าเช่า ค่าไฟ ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่ากิน เริ่มรู้สึก เหนื่อย ท้อ ประจวบเหมะกับภารกิจประจำกระหน่ำมาด้วย ก็คิดว่าพักผ้ากองนี้ไว้ก่อน ไปหาอย่างอื่นมาทำก่อนมันต้องมีอะไรซักอย่างที่ขายได้ แล้วเรายังหาไม่เจอ ก็ท่องเว็ปไปเจอว่ามีการขายเสื้อผ้าเด็กมือสอง ของญี่ปุ่นจากความผิดพลาดครั้งแรก คือซื้อมาขายโดยที่ไม่ได้ตามไปดูการขายของร้านขายปลีกทั่วไปว่าเป็นอย่างไร ไม่ได้ศึกษาความต้องการของตลาดอย่างลึกซึ้ง ถึงพลาดไป รอบนี้ไปส่องร้านขายปลีกหลายร้าน ดูจากความสนใจของลูกค้า ดูจากเสื้อผ้าที่ขาย ความน่ารักต่างๆ ดูจากผลตอบรับที่ลูกค้าซื้อ คือขายดีมาก โพสปุ๊ปคนแย่งกันจอง เลยคิดว่าเสื้อผ้าเด็กมือสองญี่ปุ่นนี่แหละเป็นตัวที่สนใจในลำดับถัดไป
เริ่มจากการขายเสื้อผ้าเด็กมือสอง ชื่อร้านtulbabyshop
เพราะเป็นสิ่งที่ถนัดมากกว่า และเริ่มรู้ตัวว่ามีความสุขทุกครั้งที่เห็นผ้าเด็กน่ารัก กุ๊กกิ๊ก 
หลังจากที่ติดตามร้านขายปลีกได้ซักพัก ก็ตัดสินใจสั่งมาขาย คราวนี้ เนื่องจากทุนน้อยลง และมีประสบการณ์มากขึ้น ก็สั่งจากแม่ค้าบนเน็ตมาทดลองทีละน้อย ปรากฏว่า ผลตอบรับดีมาก กำไรเป็นกอบเป็นกำ ทำให้คิดหาแหล่งที่มา หรือต้นกำเนิดผ้ามือสองว่าเค้ารับกันมาจากไหน 
จากความพยายามที่จะหาผ้าสวย เป็นอีกจุดเจ็บครั้งที่สอง 
เจอร้านขายส่งนับชิ้นหัวผ้าจากแหล่ง ความที่ทดลองขายมาแล้ว ผลตอบรับดีเยี่ยม ปัญหาเรื่องคนซื้อไม่มีแน่ ก็รวบรวมเงินทั้งหมดที่มี สั่งคัดหัวผ้าจากแหล่ง เมื่อวันของมาส่งใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อยากเลิกงานไวๆ กลับไปดูผ้า ว่าจะสวยงามเพียงใด กลับถึงบ้านเห็นผ้านี่แทบช็อค เราสั่งคัดตัวละ 35 บาท ยอดรวมหลักหมื่น เพื่อขายปลีก 70 บาทขึ้นไป แต่บางตัวที่ได้มาขายยังไม่ได้
ท้อแต่ไม่ถอย
หลังจากสั่งคัดแล้วได้ผ้าสภาพแบบนั้น ก็เริ่มหาต้นตอเสื้อผ้ามือสองอย่างแท้จริง เราจะต้องเจอเถ้าแก่ต้นทางให้ได้ ด้วยความไม่ย่อท้อ ตามหาร้านขายส่งกระสอบเสื้อผ้ามือสองจนเจอ ก็กู้เงินมาลงทุน ราคากระสอบหมื่นกว่าบาท ก็สั่งมาลองดู ปรากฏว่า โลกไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมาย กระสอบที่เปิดสวยมาก และพลิกฟื้นจากหมดตัว มามีทุนสำหรับค้าขายอีกครั้ง

กล้าเปลี่ยนแปลง
ขายดิบขายดีมาได้ซักพัก ก็ประสบปัญหาเนื่องจากเรามีงานประจำ แล้วการขายปลีกมีรายละเอียดมาก เราต้องวัดไซด์ ต้องใช้เวลากว่าจะลงขายได้ คอยตอบลูกค้าทั้งวัน ว่าลูกพี่ใส่ได้มั้ย ลูกหนูใส่ได้มั้ย อันนี้เราไม่สามารถตอบสนองลูกค้าตรงนี้ได้ พองานประจำบีบรัด ก็ไม่ได้ลงขาย เลยต้องปรับเปลี่ยนวิธีการขาย จากที่ขายปลีกก็เปลี่ยนมาขายทีละ 30-50 ตัว

พัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ช่วงจังหวะนั้น เสื้อผ้ามือสอง เป็นที่ต้องการของตลาดมาก เราเล็งเห็นทิศทางของตลาด จากความต้องการของลูกค้า ที่เปลี่ยนจากการซื้อปลีก มาเป็นซื้อที่ละเยอะๆ สุดท้าย ร้องขอซื้อ เป็นกระสอบ ก็ตัดสินใจทันทีว่าจะขายส่งกระสอบ ในขณะที่ไม่มีเงินลงทุนซื้อกระสอบมาตั้งที่บ้านเป็นจำนวนมาก ก็ตัดสินใจขายโดยไม่ใช้เงินลงทุน แต่ใช้วิธีการเป็นนายหน้า หรือสมัยนี้ ใช้คำว่า Drop ship ก็เริ่มต้นโดยไปเอารายการขายของร้านที่เราซื้อมาโพสที่เว็บตัวเอง และบวกราคาเพิ่มไป เวลาลูกค้าสั่ง เราก็โทรสั่งไปทางร้านขายส่งอีกที ให้เค้าส่งให้โดยให้ใส่ชื่อเราเป็นคนส่ง ทำแบบนี้ จนร้านมีชื่อเสียงถึงได้ลงทุนสั่งมาสต็อคที่ กทม.

อุปสรรคมีไว้พุ่งชน
ในปีน้ำท่วมใหญ่ เมื่อปี 2556 ในช่วงที่น้ำกำลังมา กทม. ประกาศว่าเขตที่อยู่ คือบางบอน 1 น้ำไม่มา แน่ๆ เป็นเขตปลอดน้ำ เราก็ไม่ได้ขนผ้าหนี ปรากฏว่าอยู่ดีๆ แค่ชั่วข้ามคืน ก็ประกาศว่าผันน้ำมาคลองราชมนตรี ซึ่งเป็นคลองที่ติดกับโกดังเก็บผ้า ตอนนั้นแบบช็อค เพราะแค่ข้ามคืน ผ้าที่อยู่แถวล่างจมน้ำ แต่มองในแง่ดี เรายังโชคดี ก็ขนหนีน้ำไปได้ 60 กระสอบ ไว้ต่อทุน

ผู้นำการเปลี่ยนแปลง
เนื่องจากคุณภาพผ้าในกระสอบเสื้อผ้ามือสองไม่เสถียร ลูกค้าผ้ากระสอบเริ่มลดลง แนวการซื้อเสื้อผ้าของลูกค้าเปลี่ยนไป จากการที่เคยกล้าซื้อกระสอบ 100 กก. เปลี่ยนมาคัดผ้าถึงแม้ว่าต้นทุนต่อตัวจะสูงกว่าการยกกระสอบ แต่ข้อดีคือไม่เสี่ยง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เราเป็นเจ้าแรก ที่ตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบการขาย จากเดิมที่ลูกค้าต้องยกกระสอบไปทั้ง 100 กก. หรือ คัดเองจากกระสอบ เป็นคัดแยกเกรดผ้า แล้วเอาขึ้นราวให้ลูกค้าคัดเป็นตัวๆ เลย ข้อดีคือลูกค้าจะได้แนวผ้าตามสไตล์ของร้านตัวเอง ไม่ต้องถูกบังคับซื้อตัวที่ไม่ใช่ และกำหนดขั้นต่ำที่ 50 ตัว จากที่เมื่อก่อนคัดเองจากกระสอบต้องคัดที่ 100 ตัวขึ้นไป ซึ่งผลตอบรับกับแนวการขายดีมาก 
ลูกค้ามีเงินลงทุนขั้นต่ำแค่ 1500 บาทก็สามารถเปิดร้านขายผ้ามือสองได้เลย

สร้างแบรนด์สำคัญ
ทำอย่างไรให้คนรู้จัก เรียกง่ายๆ จำง่าย นึกถึงสินค้าชนิดนี้ ก็นึกถึงเรา

รู้จัก ทดลองใช้ ใช้ซ้ำ บอกต่อ
การตลาดเป็นสิ่งสำคัญ ร้านทำตลาดหลักๆ ที่เดียวคือบนอินเตอร์เน็ต ใช้ครบ ทั้งเว็บ เฟสบุ๊ค อินสตราแกรม เว็บฟรี ฯลฯ เชื่อหรือไม่ว่า พ่อค้าแม่ค้าขายเสื้อผ้ามือสอง ที่ตลาดนัด แต่ต้องค้นหาร้านขายส่งบนอินเตอร์เน็ต ตลาดบนอินเตอร์เน็ต เป็นตลาดที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก และถ้าคุณมีรู้แบบการตลาดที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ ลูกค้าจะเข้ามาหาเราเอง 
แต่เมื่อเราใช้การตลาดดึงลูกค้ามาหาเราแล้ว คุณภาพของสินค้า ก็ต้องสามารถจูงใจให้เค้ากลับมาใช้ซ้ำ และชื่นชอบในคุณภาพจนกล้าการันตี กับคนอื่นว่าสินค้าเราดีมีคุณภาพ

เอาใจเขามาใส่ใจเรา
ทำธุรกิจแบบพี่น้อง คนในครอบครัว ให้คำแนะนำ ใส่ใจ ดูแล เป็นห่วงเป็นใจลูกค้า เป็นที่พึ่งตลอด เป็นทั้งที่ปรึกษา พี่เลี้ยง บางทีเหมือนแม่ ที่ให้เอาของไปขายก่อนแล้วค่อยผ่อนทีหลัง ดูแลกันดุจญาตมิตร สร้างความผูกพัน นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ ร้านเรา ยืนอยู่มาได้เกือบ 10 ปี
ตอบโจทย์ของร้านขายปลีก ด้วยการสรรหาอุปกรณ์ในการเปิดร้านครบครัน มาไว้บริการเรียกว่าถ้าจะเปิดร้านขายเสื้อผ้า มาที่นี่ที่เดียว ได้อุปกรณ์ครบ ตั้งแต่ราว ไม้แขวน หุ่น น้ำยาซักผ้าขาว น้ำหอมฉีดผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่น น้ำยากัดสนิม เป็นต้น
.
สรุป ในการทำงาน เราต้องวางแผนการทำงาน บางคนอาจเขียนมาเป็นรูปร่าง แต่ของพี่มดนี่ ร่างไว้ในหัว มองเส้นทางตั้งแต่ต้นจนจบให้ได้ เมื่อเกิดปัญหาอุปสรรคให้มองเป็นความท้าทาย เป็นสิ่งที่เราจะต้องหาทางแก้ไขเมื่อผ่านไปได้เราจะเติบโตขึ้น สิ่งสำคัญ นึกเสมอว่า ไม่มีอะไรที่เราจะทำแล้วทำไม่ได้
"ทุกคนเกิดมาพร้อมความสามารถในการเข้าถึงความสำเร็จ เท่าเทียมกัน" หาให้เจอค่ะ ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร